วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ถึงเวลารักษาความปลอดภัย ป้องกันไวรัสที่มาจากอินเตอร์เน็ตPDFพิมพ์อีเมล
เขียนโดย Administrator   
การระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนั้น ช่องทางหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นช่องทางระบาดมากที่สุดอันหนึ่งคือ ระบาดผ่านทาง USB Flash Drive การระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์หลายตัวในช่วงที่ผ่านมา จะแพร่ระบาดโดยการสำเนาตัวเองไปยังทุกๆ ไดรฟ์ บนเครื่องที่ติดไวรัส วิธีการหรือคำแนะนำ ในการป้องกันไวรัสหรือมัลแวร์ จะเป็นการลดผลกระทบจากปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี ..
ปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนเรา และอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญ เนื่องจากการทำงานต่างๆ นั้นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แทบทั้งสิ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีคอมพิวเตอร์เกี่ยวข้องไม่ขั้นตอนใดก็ขั้นตอนหนึ่ง โดยทั่วไปเราอาจแยกผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ผู้ใช้งานหรือยูสเซอร์ และกลุ่มที่ 2 เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล ซ่อมแซม และบำรุงรักษา ให้เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา เช่น Administrator, Helpdesk หรือ Technician เป็นต้น
ปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์ (หรือเรียกรวมๆกันว่ามัลแวร์)นั้น คิดว่าคงเป็นปัญหาที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไป (User)หรือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ (Administrator) คงต้องเคยมีประสบการณ์ (ที่ไม่ค่อยจะดี) มาแล้ว มากบ้างน้อยบ้าง เบาบ้างหนักบ้าง ก็ว่ากันไป ผลกระทบจากปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์หรือมัลแวร์นั้น มีหลายระดับ ตั้งแต่สร้างความรำคาญโดยการแสดงข้อความต่างๆ ลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง จนร้ายแรงถึงระดับทำลายระบบได้ก็มี แต่โดยทั่วไปแล้ว มันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง ตัวอย่างเช่น ทำให้เครื่องทำงานช้าลง หรือเครื่องแฮงก์บ่อย หรือเครื่องรีสตาร์ทเองบ่อยเป็นต้น เป็นผลทำให้เสียเวลาในการทำงาน
การแพร่ระบาดของมัลแวร์ ลักษณะการแพร่ระบาดของมัลแวร์ในปัจจุบันนั้น ส่วนมากจะเริ่มต้นโดยการแพร่ระบาดผ่านทางระบบอีเมล และเมื่อมัลแวร์เข้าไปติดในเครื่องคอมพิวเตอร์ มันก็จะทำแพร่ระบาดผ่านทั้งทางระบบอีเมลและทางอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา โดยส่วนมากแล้วมัลแวร์จะอยู่ในไฟล์ประเภท PE (Portable Execute) คือ ไฟล์ที่สามารถเอ็กซีคิวท์ได้ เช่น ไฟล์นามสกุล .exe, .com, .scr เป็นต้น และนอกจากนี้ในปัจจุบัน จะพบว่าไวรัสประเภท script virus เช่น VBScript, JScript มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
วิธีการป้องมัลแวร์ วิธีการหรือคำแนะนำทั่วๆ ไปในการป้องกันมัลแวร์นั้น มีดังนี้
1. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและสปายแวร์ โดยต้องทำการอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสและสปายแวร์อย่างสม่ำเสมอ (แนะนำให้ทำการอัพเดททุกๆ วัน)
2. ทำการสแกนไวรัสอย่างสม่ำเสมอ

3. ปิดการใช้งาน Autoplay ในทุกๆ ไดรฟ์

4. ทำการสแกนสื่อเก็บข้อมูลแบบพกพาทุกครั้ง ก่อนการใช้งาน
5. ในกรณีที่ต้องทำการแชร์ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ให้ทำการแชร์แบบอ่านอย่างเดียว (Read Only) เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับไวรัส สปายแวร์ และ มัลแวร์ (Virus, Spyware and Malware) ถ้าจำเป็นต้องทำการแชร์แบบ Read-Write ให้กำหนดรหัสผ่านสำหรับการแชร์แบบ Write ทุกๆ ครั้ง
6. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง และป้องกันการสูญหายของข้อมูลเนื่องจากระบบวินโดวส์เสีย ให้แยกข้อมูลต่างๆ ไปเก็บไว้บนไดร์ฟไม่ใช่ไดร์ฟที่ระบบปฏิบัติการติดตั้งอยู่
7. เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลเนื่องจากฮาร์ดดิสก์เสียให้ทำการสำรองข้อมูลที่สำคัญๆ ลงแผ่นซีดีหรือดีวีดี
8. ทำอิมเมจของไดร์ฟที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการและเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อใช้ในการกู้คืนระบบในกรณีที่วินโดวส์หรือฮาร์ดดิสก์เสีย
9. ไม่ควรติดตั้งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ได้มาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ได้มาจากการดาวน์โหลดไพรเรทเว็บไซต์ (คือเว็บไซต์ที่ให้ดาวน์โหลดซอฟท์แวร์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์) บนอินเทอร์เน็ต หรือติดตั้งโปรแกรมที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือนโยบายขององค์กร เนื่องจากอาจทำให้เครื่องมีความเสี่ยงต่อปัญหาเกี่ยวกับไวรัส สปายแวร์ และ มัลแวร์ (Virus, Spyware and Malware) สูงขึ้น
10. ไม่ควรติดตั้งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นในการทำงาน เพราะนอกจากอาจทำให้เครื่องมีความเสี่ยงต่อปัญหาเกี่ยวกับไวรัส สปายแวร์ และ มัลแวร์ (Virus, Spyware and Malware) สูงขึ้นแล้ว ยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงได้
11. กำหนดรหัสผ่านให้กับ Administrator และทำการเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและเป็นความลับ
วิธีการหรือคำแนะนำด้านบนนั้น เป็นวิธีการทั่วไปในการป้องกันมัลแวร์ โดยวิธีเหล่านี้ช่วยป้องกันมัลแวร์ได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันปัญหาได้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซนต์ เนื่องจากมัลแวร์เองนั้น ก็ได้มีการพัฒนาเทคนิคการหลบเลี่ยงอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถแฝงตัวเข้าไปติดในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การที่มัลแวร์จะเข้าไปติดในเครื่องได้นั้น ไฟล์ไวรัสจะต้องถูกทำการรันเสียก่อน ดังนั้นถ้าเราสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการรันไวรัส โอกาสที่เครื่องจะติดไวรัสก็จะลดลงไปด้วย
ข้อมูลจาก Thai Windows Administrator
<http://www.stc.ac.th/stc/index.php?option=com_content&view=article&id=66:stc-virus-2552-&catid=37:article-it&Itemid=58>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น